fbpx
Stay connected
Pastor How (Tan Seow How)   pastorhow instagram
Pastor Lia (Cecilia Chan)   pastorlia instagram
Heart of God Church (Singapore)   pastorlia instagram
Stay connected
Pastor How (Tan Seow How)
pastorhow instagram
Pastor Lia (Cecilia Chan)
pastorlia instagram
Heart of God Church (Singapore)
hogc instagram

English | 繁體中文 | 简体中文 | Español | Deutsch | ภาษาไทย

คำตอบของผมต่อศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่ง คือ ความพึงพอใจ ความเรียบง่าย และความใจกว้าง

ผมเจอข้อความนี้เมื่อไม่นานมานี้
“คริสตจักรเริ่มต้นความเคลื่อนไหวในกรุงเยรูซาเล็ม ความเคลื่อนไหวนี้กลายเป็นปรัชญาในกรีก เป็นสถาบันในกรุงโรม เป็นวัฒนธรรมในยุโรป และเมื่อมาถึงอเมริกา ก็กลายเป็นธุรกิจ…เป็นธุรกิจที่ให้ผลกำไรสูง แต่พระเยซูเสด็จกลับมาเพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหว”

น่าเสียดาย รูปแบบของศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่งที่ไม่ถูกต้องตามพระคัมภีร์นี้ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในอเมริกา แต่ขยายไปทั่วโลก จากประเทศโลกที่หนึ่ง ถึงประเทศโลกที่สาม

ในบทความเล็กๆ นี้ ไม่ใช่ความตั้งใจของผมที่จะโต้แย้งเรื่องศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่ง มีทั้งผู้ที่สนับสนุน และผู้ที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งโต้แย้งจากทั้งสองฝั่ง และตีความพระคัมภีร์ด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน

โดยส่วนตัว ผมอยากจะจดจ่อไปที่แรงจูงใจที่อยู่เบื้องเนื้อหา และแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังคน สำหรับผม นี่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร – เนื้อหานี้เทศน์โดยมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางหรือไม่ หรือมีศูนย์กลางที่ผู้อื่น หรือมีศูนย์กลางที่ตัวเอง?

ดังนัน ถ้าศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับความใจกว้าง สาธารณะกุศล การทำการกุศล และความมีเมตตา หากเป็นเช่นนั้น ผมก็สอนเรื่องนี้โดยไม่รู้สึกผิดใดๆ หากเป็นเรื่องการถวายเพื่อสร้างคริสตจักร พันธกิจ และอาณาจักรของพระเจ้า ผมก็เทศนาเรื่องนี้โดยไม่รู้สึกละอาย
อย่างไรก็ตาม หากศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่งเป็นเรื่องการทำให้ตนเองร่ำรวยขึ้น โดยการหลอกลวงผู้คนด้วยพระสัญญาจอมปลอม และเร่ขายความหวังจอมปลอม นั่นก็ผิดพระคัมภีร์
หากศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่งลดคุณค่าของพระเจ้าให้เป็นเพียงยักษ์จินนีในขวด และทำให้พระองค์ตกต่ำลงเป็นเพียงเสี่ยเลี้ยงแห่งฟ้าสวรรค์ นั่นก็เป็นการดูหมิ่นพระเจ้า และผมขอปฏิเสธมันในนามของพระเยซู

ชื่อของสารคดีชุดนี้คือ – คำตอบของผมต่อศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่ง เน้นที่คำว่า “คำตอบของผม” ดังนั้นนี่คือคำสารภาพและการเปิดเผยส่วนตัวของผม นี่ไม่ได้เป็นหมุดหมายให้มีใครมาทำตาม หรือเป็นมาตรฐานมาบังคับใคร แน่นอนว่า ไม่ควรใช้เพื่อตัดสินใครทั้งนั้น

1. คำตอบของผมต่อศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่ง คือ ความพึงพอใจ

1 ทิโมธี 6: 6-8

6 อันที่จริง การอยู่ในทางพระเจ้าพร้อมกับมีความพอใจก็เป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวง
7
เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกเช่นไร เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้เช่นกัน
8
ถ้ามีอาหารและเสื้อผ้า เราก็ควรพอใจในสิ่งเหล่านั้น

เปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะพึงพอใจ” (ฟีลิปปี 4:11)
พูดอีกอย่างก็คือ ต้องเรียนรู้ที่จะพึงพอใจ
ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
การอยากได้อยากมีของคนเราไม่มีจุดสิ้นสุด
“ฉันจะมีความสุข เมื่อฉันมีพอ” ก็เป็นเหมือนกับสุนัขที่วิ่งวนไล่งับหางของตัวเอง

การพึงพอใจ เรียนรู้ได้โดยการลด ไม่ใช่การเพิ่ม พูดอีกอย่างก็คือ เราพึงพอใจได้ ไม่ใช่ด้วยการเพิ่ม “ข้าวของ” ให้มากขึ้น แต่เป็นการลดความอยากลง
ความมั่งคั่งที่แท้จริง วัดได้จากสิ่งที่เงินทองไม่อาจซื้อได้ และเป็นสิ่งที่ความตายไม่สามารถแย่งชิงไปได้

แต่มีถ้อยคำเตือนใจ ก็คือ อย่าสับสนเรื่องความพึงพอใจกับความสมปรารถนา ความพึงพอใจ มาจากความเรียบง่าย ความสมปรารถนา มาจากความอิ่มเอมใจที่ได้ดังหวัง

เราควรพึงพอใจ แต่ไม่ใช่สมปรารถนา เพราะเราไม่เคยอยู่เหนือระดับของความปรารถนาของเรา ดังนั้น ผมพึงพอใจกับชีวิต และความเป็นอยู่ แต่ผมไม่เคยสมปรารถนากับพันธกิจของผม และงานรับใช้พระเจ้า

2.คำตอบของผมต่อศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่ง คือ ความเรียบง่าย

กิจการ 2: 44-47

44 คนทั้งหมดที่เชื่อถือก็อยู่รวมกัน…
46
ทุกๆ วัน พวกเขาอุทิศตัวอยู่ด้วยกันในพระวิหารและหักขนมปังตามบ้านของพวกเขา รับประทานอาหารร่วมกันด้วยความชื่นชมยินดีและจริงใจ
47
ทั้งสรรเสริญพระเจ้าและได้รับความชื่นชอบจากทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าก็โปรดให้คนทั้งหลายที่กำลังจะรอด เพิ่มจำนวนเข้ามามากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน

เมื่อผมอ่านพระธรรมตอนนี้ ขณะที่ยังเป็นศิษยาภิบาลอายุน้อย บุกเบิกคริสตจักรฮาร์ท ออฟ ก้อด อยู่ ผมรู้สึกสนใจในข้อ 46ข ซึ่งพวกสาวกรับประทานอาหารร่วมกันด้วยความชื่นชมยินดีและ “จริงใจ”

ในพันธกิจของผมเอง ผมพบว่า การทำให้คริสตจักรเติบโตเป็นเรื่องไม่ยาก แต่การรักษาหัวใจและชีวิตให้เรียบง่ายนั้นยากกว่า
สิงคโปร์เป็นสถานที่ซึ่ง เรารู้ราคาของทุกสิ่ง แต่ไม่รู้คุณค่าของสิ่งใดเลย
เรารู้ราคาของบ้าน แต่ไม่ใช่คุณค่าของบ้าน
เรารู้ราคาของมื้ออาหาร แต่ไม่ใช่คุณค่าของการสามัคคีธรรม

ลูกๆ ของเรารู้ราคาของมือถือ iPhone แต่ไม่เคยเห็นคุณค่าของการสื่อสาร

ผมเชื่อว่า การร่ำรวยไม่ใช่ว่าคุณมีมากแค่ไหน แต่คุณมีน้อยแค่ไหน
ทีมของผมบ่นว่า ยากที่จะซื้อของขวัญวันเกิดให้ผม ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนเอาใจยาก แต่เพราะผมไม่เคยอยากได้อะไร และผมไม่เคยต้องการอะไร ไม่ใช่เพราะว่าผมมีทุกอย่างแล้ว แต่เพราะผมไม่ค่อยอยากได้อะไร เรื่องตลกที่เล่ากันก็คือ เมื่อไหร่ที่พวกเขาถามผมว่า จะซื้อของขวัญอะไรให้ดี คำตอบของผมก็คือ “ได้สิ ซื้อผู้นำดีๆ อีก 50 คนจาก eBay ให้หน่อยแล้วกัน”

ภรรยาของผม อาจารย์ซิซีเลีย ชานและตัวผม เลือกที่จะใช้ชีวิตเรียบง่าย ผมโตขึ้นมาในบ้านในเขต 10 (สำหรับผู้อ่านที่ไม่ใช่ชาวสิงคโปร์ นั่นเป็นย่านของคนมีฐานะ) หลังจากที่เราแต่งงานกัน เราเคยอยู่ในบ้านการเคหะที่วู้ดแลนด์ (นั่นน่าจะเป็นย่านที่ถูกที่สุด) เกือบ 20 ปี
ในปีแรกๆ นั่นเป็นบ้านที่เราพอซื้อไหว แต่ตอนนี้เราสามารถย้ายไปบ้านที่ใหญ่กว่า ในย่านที่ดีกว่าได้อย่างง่ายดาย เหตุผลแรกที่เราเลือกอยู่อย่างเรียบง่าย นั่นเป็นพันธสัญญาส่วนตัวของเรากับพระเจ้า โดยได้รับแรงบันดาลใจจากถ้อยคำจากฮักกัย 1:4 เราได้ทำสัญญาที่จะสร้างนิเวศของพระเจ้าก่อน จากนั้นจึงค่อยสร้างบ้านของเรา ดังนั้น บางทีหลังจากที่คริสตจักรฮาร์ท ออฟ ก้อด ย้ายไปสู่บ้านใหม่ของเรา ผมก็กะจะย้ายบ้านผมให้อยู่ใกล้ๆ กับคริสตจักร

เหตุผลที่สองที่เลือกจะอยู่อย่างเรียบง่าย คือ การตัดสินใจที่จะถวายเงินหนึ่งล้านเหรียญเข้ากองทุนการก่อสร้างคริสตจักรเมื่อสองสามปีก่อน อาจารย์ลีอาได้รับเงินประกันชดเชยก้อนใหญ่ เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็ง เมื่อรวมกำไรจากธุรกิจของผม และเงินประกันก้อนนั้นเข้าด้วยกัน เราจึงก้าวออกไปด้วยความเชื่อ

นั่นนำผมมาถึง…

3. คำตอบของผมต่อศาสนศาสตร์แห่งความมั่งคั่ง คือ ความใจกว้าง

เมื่อพระเจ้าทรงอวยพรคุณด้านการเงิน นี่ไม่ใช่แค่การยกระดับมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของคุณ แต่เป็นมาตรฐานการถวายของคุณ
เมื่อเราพึงพอใจกับชีวิต และความเป็นอยู่ของเรา รายได้ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็จะเป็นเงินถวายของเรา
อย่างไรก็ตาม หากเราไม่เคยพึงพอใจ ความอยากได้อยากมี และค่าใช้จ่ายต่างๆ จะโตไปตามรายได้ของเรา ผลก็คือ เราจะไม่เคยถวายได้มากกว่าเดิม

เมื่อผมรับช่วงธุรกิจของคุณพ่อ พระเจ้าทรงตรัสข้อพระคำนี้กับผม

กิจการ 20:33

33 ข้าพเจ้าไม่ได้โลภเงินหรือทองหรือเสื้อผ้าของใครเลย
34 พวกท่านเองก็ทราบว่า มือทั้งสองของข้าพเจ้าจัดหาปัจจัยสำหรับตัวเองและสำหรับพวกที่อยู่กับข้าพเจ้า
35 าพเจ้าวางแบบอย่างให้ท่านแล้วในทุกเรื่อง เพื่อให้เห็นว่าโดยการตรากตรำงานแบบเดียวกันนี้ เราต้องช่วยพวกที่มีกำลังน้อย และระลึกถึงพระวจนะของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ตามที่พระองค์ตรัสว่า ‘การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ’ ”

เปาโลเป็นช่างเย็บเต้นท์ ผมได้รับแรงบันดาลใจจากเปาโลที่จะเป็นช่างเย็บเต้นท์ด้วยเช่นกัน
เช่นเดียวกับเปาโล ผมอยากจะกล่าวได้ว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้โลภเงินหรือทองของใครเลย”
เช่นเดียวกับเปาโล ผมอยากให้มือของผมเองที่จะจัดหาความจำเป็นต่างๆ ของผมเอง และสำหรับผู้ที่อยู่กับผม (ทีมงานของผม)
ตอนนี้ธุรกิจของผม ก็จ่ายค่าเดินทางของผมในการทำพันธกิจและไปเทศนา
ธุรกิจสนับสนุนทีมงานของผม
ธุรกิจจ่ายค่าปรับปรุงและเฟอร์นิเจอร์ของห้องทำงานส่วนตัวของผม และห้องของแขก
และเช่นเดียวกับเปาโล ผมอยากจะถวายมากกว่าที่ผมได้รับ

เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ผมต้องเสริมว่า การเป็นคริสเตียน ไม่ได้หมายถึงการเข้าสู่ชีวิตที่ประหยัด ตระหนี่ และเคร่งครัด เมื่อผมเป็นศิษยาภิบาล ผมไม่ได้ปฏิญาณตนว่าจะยากจน
ผมเชื่อว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ดี และพระองค์ทรงอยากจะอวยพรเรา เยียวยาเรา และให้เรามีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ไม่มีอะไรผิดเรื่องสิ่งที่ดีๆ วันหยุดพักผ่อน และสนุกกับชีวิต อาจารย์ลีอา และผมมีกระเป๋า และปากกาแบรนด์เนมบ้าง ซึ่งเป็นของขวัญที่ได้มา เราไม่มีปัญหาในการใช้ของพวกนี้
อย่างไรก็ตาม เรารู้ด้วยว่า พระเจ้าทรงสนพระทัยมากกว่าในความบริสุทธิ์ของเรา มากกว่าความสุขของเรา พระองค์ทรงห่วงกังวลในคุณลักษณะชีวิตของเรามากกว่าความสะดวกสบายของเรา

ผมไม่ได้ต่อต้านความมั่งคั่งตามพระคัมภีร์ ที่มีพระคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลาง และเคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์ ที่สุดแล้ว คำปฎิญาณประจำชาติของเราลงท้ายว่า “เพื่อให้ชาติเกิดความสุข ความมั่งคั่ง และความเจริญก้าวหน้า”

newsletter subscription thumbnail

Receive leadership principles for building a Strong Church

0 Comments

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *